ประชาธิปไตยสมบรูณ์


ประชาธิปไตยสมบรูณ์
            โดยความหมายของคำว่า ประชาธิปไตยสมบรูณ์น่า จะหมายถึง ระบอบการปกครองที่ให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนในการที่จะมีโอกาสแสดงความเป็น ใหญ่ในหน้าที่ของตนอย่างครบครัน และโดยความหมายนี้เราก็จะมองเห็นระบบของประชาธิปไตยนั้นเริ่มต้นที่ การที่ประชาชนได้ออกไปตัดสินใจเลือกตัวแทนของตนเข้าไปทำหน้าที่ในการที่จะ บริหารจัดการทรัพยากรที่จะเอื้อประโยชน์คือความสุขให้แก่ตน(การลงคะแนนเสียง เลือกตั้ง) จนขนาดมีคนเข้าใจไปว่า ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง โดยมิได้คำนึงถึงว่ากระบวนการในการเลือกตั้งหรือออกเสียงนั้นจะถูกต้อง หรือ บิดเบี้ยวคดโกงอย่างไร ซึ่งที่จริงแล้วจุดเริ่มต้นของการเป็นประชาธิปไตยสมบรูณ์นั้น จะต้องมารู้จักกับคำว่า ประชาธิปไตยกันให้ถ่องแท้เสียก่อน
      สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนธรรม อธิปไตย คือความเป็นใหญ่ไว้ ๓ อย่าง คือ อัตตาธิปไตย ถือตนเองเป็นใหญ่ ๑ โลกาธิปไตย ถือโลกเป็นใหญ่ ธัมมาธิปไตย ถือธรรมคือความถูกต้องเป็นใหญ่ ๑ เมื่อพิจารณาทั้ง ๓ ข้อแล้วมองเผินๆเดี๋ยวนี้ในปัจจุบันนี้ประชาธิปไตยของไทยมาสะดุดอยู่ที่ความหมายที่ ๑ กับที่ ๒ คือ อัตตาธิปไตย และ โลกาธิปไตย ถือเอาตน  และกระแสของโลก(เสียงข้างมาก)เป็นใหญ่เท่านั้น โดยที่ลืมที่เข้าถึงข้อ ๓ คือ ความถูกต้องชอบธรรม  ตั้งแต่เริ่มต้นจนครบกระบวนการที่จะเป็นประชาธิปไตยสมบรูณ์ ด้วยเหตุนี้ประชาธิปไตยของไทยจึงเป็นวงจรอุบาทว์ที่วนเวียนซ้ำซากมาถึง๗๙ปี
           วงจรอุบาทว์เริ่มที่การออกเสียงเลือกตั้งของประชาชน ที่นักเลือกตั้งมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงเพื่อให้ได้เข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชน แต่ไม่ได้เป็นตัวแทนอย่างแท้จริงเพียงแต่เข้ามาหาประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง มีการกอบโกยโกงกินคอรัปชั่นกันอย่างมโหฬารเป็นรัฐบาลก็ไม่ได้บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน ใช้อำนาจไม่เป็นธรรมแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบ ประชาชนไม่พอใจ เคลื่อนไหวเดินขบวนชุมนุมใหญ่ ต่อมาก็เกิดการรัฐประหารยึด อำนาจโดยทหาร เศรษฐกิจทรุดไม่เป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ ฉีกรัฐธรรมนูญเขียนใหม่เน้นอำนาจของนักการเมืองเป็นใหญ่โดยไม่ได้คำนึงถึงผล ประโยชน์ของประชาชน มีการออกเสียงเลือกตั้งใหม่โดยที่พรรคการเมืองและนักเลือกตั้งชุดเดิมๆคน เดิมๆซื้อสิทธิ์ขายเสียงเข้ามาถอนทุนคอรัปชั่นโกงกินทำประโยชน์เพื่อตนและ พวกพ้องใหม่วนเวียนซ้ำซากอย่างนี้ มาเป็นเวลา ๗๙ ปี
        ดังนั้นการที่จะเป็น ประชาธิปไตยสมบรูณ์ จะต้องนำเอา ธัมมาธิปไตย คือ ความถูกต้องชอบธรรมเข้ามาเปลี่ยนแปลง วงจรอุบาทว์ให้เป็น วงจรแห่งความถูกต้องชอบธรรม เสียตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการคือ ประชาชนสนับสนุนออกเสียงเลือกคนดีมีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริตและมีความสามารถเข้ามาเป็นตัวแทนโดยไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เมื่อตัวแทนทั้งหลายนั้นเข้ามาก็บริหารจัดการประโยชน์ของส่วนรวมคือประเทศชาติและประชาชน โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ไม่มีการโกงกินไม่มีการถอนทุน(เพราะไม่ได้ลงทุน)ไม่คอรัปชั่นเชิงนโยบาย ประเทศชาติและประชาชนเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการประท้วงชุมนุมขับไล่คัดค้านใดๆ ทหารไม่ทำรัฐประหารเพราะบ้านเมืองสงบสุขดีเศรษฐกิจดี ไม่ต้องฉีกและเขียนรัฐธรรมนูญกันบ่อยๆ เมื่อตัวแทนหมดวาระก็ รู้จักพอ” และสรรหาสนับสนุนให้คนดีมีคุณธรรมความรู้ความสามารถให้ได้มีโอกาสเข้ามาทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองบ้าง นี่คือ วงจรแห่งความถูกต้องชอบธรรม ที่เรียกว่า ประชาธิปไตยสมบรูณ์
   การที่ประชาธิปไตยของไทยล้มลุกคลุกคลานมา ๗๙ ปี ไม่ได้เป็นเพราะระบบหรือรัฐธรรมนูญไม่ดีหรือบกพร่องแต่ประการใดแต่เป็นที่ ”คน” ไปติดอยู่แค่ อัตตาธิปไตย และ โลกาธิปไตย เท่านั้นว่าเป็นประชาธิปไตยสมบรูณ์ จึงต้องตกอยู่ในวงจรอุบาทว์เรื่อยมา หากมี ธัมมาธิปไตย คือเอา ความถูกต้องชอบธรรมเป็นใหญ่เข้ามาตัดและเปลี่ยนแปลงวงจรอุบาทว์ทางการเมืองได้เมื่อไหร่ก็ตามก็จะเป็นการเมืองใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยสมบรูณ์ ทันที.

องค์การเอกชน  กลุ่มพลังหนุ่มสวรรณศร-สระบุรี  เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย