วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อนิจจัง อนิจจา ใครหว่า?

เชาบอกว่า ชีวิตคือการเดินทาง เรือนร่างเหมือนศาลาอาศัย

ศาลาผุพัง ชีวิตก็ต้องจากไป

สำมะหาอะไร กับเจ็ดหมื่นสามพันล้าน จะช่วยซ่อมศาลา(ร่างกาย)ได้

    เหรียญบาทสุดท้ายที่เขาเอาใส่ปาก(แม้ว)
สัปปะเหร่อ(ผม)จะควักไม่ยอมให้มันกลืน
คิดขึ้นมามันน่าขมขื่นมันเหลือผ้าสองผืนพอติดร่างกาย
แต่พอคนเผลอสัปปะเหร่อ(ผม)แอบแก้
เอาลีวายเอสแฟร์ของมันไปเที่ยวเร่ขาย
ต้องแต่งชุดเดียวกันทั้งวันเกิดวันตาย
ต้องไปนอนเปลือยกาย(ไร้ลิเดีย)อยู่บนเชิงตะกอน.....

.............................................................
   
    ถ้อยทีสาธกที่ได้ยกขึ้นมาอ้าง
ท่านที่อ่านที่ฟังก็คงจะนั่งหาว
ฉันนั่งพิมพ์อยู่นี่ก็เพื่อมุ่งบรรเทา
ให้ทุกคนหยุดเมาในเรื่องโลกีย์
   หมั่นวิจารณ์กันให้แจ่มแจ้ง
ฉันไม่ได้แกล้งมากล่าวเสียดสี
อุตส่าห์ยกสาระในพระบาลี
เอามาแยกชี้ให้ท่านได้ฟัง
   โลกียสมบัติจำต้องขาดกระจาย
เมื่อตัวเราตายจำต้องคืนทุกอย่าง
ลาภยศเงินทองมันเป็นของกลางกลาง
ไม่มีอะไรสักอย่างจะติดกายา
   มาเปล่าก็ไปเปล่าเราท่านอย่าเฝ้าอาลัย
เงินทองเอาไปไม่ได้นะแม้วจ๋า
จงยกจิตตั้งเสียในสังขารา
พิจารณาร่างกายของตน
   ดับความรักหักโทสะ
ละโมหะเสียด้วยเหตุผล
เตือนให้สำนึกรู้สึกตน
ให้เลิกกังวลในกามคุณ
   จะเกิดปัญญาค้นหาความจริง
ซึ่งมันเป็นสิ่งไม่เสื่อมสูญ
บำเพ็ญศีลทานเอาไว้เป็นทุน
ละบาปทำบุญเสียให้ชื่นบาน
  แม้วอย่าหลงพะวงแต่โลก
สุขแล้วกลับโศกไม่มีแก่นสาร
ถึงจะเมาก็ขอให้พอประมาณ
หมั่นวิจารณ์ตามเรื่องจริงจัง
  ถึงมีสมบัติบรมจักร
มีเกียรติศักดิ์อีกทั้งความมั่งคั่ง
ก็ไม่อาจซื้อหรือว่า ว่าจ้าง
องค์มัจจุรังให้รอเวลา
  พร้อมก็ต้องพรากรักก็ต้องร้าง
จำต้องห่างสเน่หา
ไม่ว่าพ่อแม่หรือว่าบุตรธิดา
ก็ไม่อาจมาที่จะช่วยป้องกัน
   ถึงคราวม้วยใครจะช่วยแม้วได้
ต่อให้เหาะขึ้นไปอยู่บนสรวงสวรรค์
ก็ยังต้องพรากลงมาจากวิมาน
เพราะว่ายมบาลท่านไม่กินสินบน(มันให้สินบนศาลจนเคยตัว)
   มนุษย์(แม้ว)ตายแน่ยาแก้ไม่มี
ตายแน่เอ็งหนีมันไปไม่พ้น
ไม่ว่าราชาหรือว่ามหาโจร
ยังต้องทิ้งกายสกนธ์เอาไว้ที่เชิงตะกอน
    ถึงห่วงสมบัติ(เจ็ดหมื่นสามพันล้าน)ก็จำต้องทิ้ง
ขาดลมลงไปกลิ้งเป็นไม้ท่อน
ไปนอนรอไฟอยู่บนกองฟอน
ขาดคู่เคียงนอนพ่อนาแม่นาย
   เมื่อตัวแม้วตายอะไรเล่าติด
กิ๊ก(เดีย)เมีย(อ้อ)ญาติมิตรเขาไปด้วยหรือไม่
รักกันปานกลืนก็ยังกลับกลาย
พอเราล้มตายเขาก็พากันกลัว
    เมื่อแรกรักกันก็ข้าวมันปลาใหม่
มันช่างน่าชื่นใจจริงหนอทูนหัว
พอแม้วล้มตายทำไมมากลัว
หรือเกรงว่าผัวจะฟื้นคืนมา
    คิดดูน่าขันเราท่านย่อมทราบ
แต่ก็ไม่เคยเข็ดหลาบกันเลยพับผ่า
ความจริงประจำก็มีอยู่ตำตา
ก็ไม่เห็นระอากันเสียบ้างเลย
    พอแม้วเป็นผีทั้งเมียทั้งกิ๊กก็มีคู่ใหม่
ลืมผีสางคนตายเสียแล้วเจ้าเอ๋ย
หากแม้วไปเกิดเป็นเปรตก็ไม่มีคนสังเวย
ตรุษสารทก็ไม่เคยที่จะได้กินอะไร
     ผีหลอกคนเป็นก็เคยเห็นมากมี
แต่ว่าคนหลอกผีดูซิมาเป็นไปได้
พอแม้วสิ้นลมลงไปล้มนอนตาย
ทั้งกิ๊กทั้งเมียมันจะมาร้องไห้อยู่สักกี่วัน
   พอน้ำตาแห้งนวลแป้งก็ขึ้นมาแทน
ก็เริ่มจะมองหาคนแทนด้วยความเพ้อฝัน
พอพบมิตรใหม่คนม่ายก็ตกมัน
หล่อนก็มายึดคำมั่นว่า หย่าแล้วจ้า...........โสดจ้า......อดีตฝาละมีตายแล้วจ้า........กำลังหาใหม่จ้า...........

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น