วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

การเลือกตั้ง

เมื่อประเทศไทยดำเนินมาถึงคราว โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ความเป็นมาแต่อดีตตราบจนถึงปัจจุับัน สังคมไทยพัฒนามาโดยตลอด ด้วยความรู้การศึกษาที่เพิ่มมากขึ้น คนไทยจึงเชื่อมั่นในความเป็นประชาธิปไตย ความเท่าเทียม ความเป็นอิสระเสรีอันไม่เดือดร้อนต่อผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม

แต่กระนั้นความเป็นประชาธิปไตย ที่ทุกคนมีสิทธิมีเสียงเท่ากัน ก็ถูกล่วงละเมิด เบียดเบียน เอารัดเอาเปรียบ จะโดยการโกงกิน ทุจริต หรือริดรอนสิทธิที่แต่ละคนพึงมีต่างๆ

แต่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปคาดหวัง เชื่อมั่น ศรัทธา ในความเท่าเทียมกันของระบบประชาธิปไตย ทำได้แค่การเลือกตั้งตามที่สิทธิของแต่ละคนพึงมี มากหน่อยก็มีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารตามสื่อต่างๆในระดับหนึ่ง เพื่อพิจารณาความผิดถูกในสังคม ซึ่งก็ต้องฟังอย่างรอบด้าน วิเคราะห์อย่างชัดเจน ถึงจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง จากกระแสข่าวสารที่เต็มไปด้วยการใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือน ตลบแตลง เอาดีเข้าตัวเอาชั่วเข้าคนอื่น

หากเป็นอย่างที่ผ่านมา ก็น้อยคนนักที่จะรับรู้เห็นแจ้งถึงสิ่งที่ผิดและถูก แยกออกอย่างชัดเจน ถ้าเห็นถูกเลือกสิ่งถูก ก็ถือว่าชาติได้ประโยชน์ แต่ถ้าเห็นผิดเป็นถูกเลือกผิดเข้าไป ชาติก็มีแต่จะนับเวลาถอยหลังล่มสลาย
ที่สำคัญ คนไทยโดยส่วนใหญ่การศึกษายังอยู่ในระดับต่ำอยู่มาก การรับรู้ข้อมูลข่าวสารก็น้อยตาม การคิดวิเคราะห์พิจารณาข้อมูลก็ต่ำลง ย่อมทำให้มีโอกาศหลงผิดมาก

ดังนั้นจุดอ่อนของประชาธิปไตยคือทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่การเข้าถึงสิทธิอันชอบธรรมตามประชาธิปไตยแต่ละคนไม่เท่ากัน การรับรู้ถึงสิทธิของตนเองไม่เท่ากัน การแสดงถึงสิทธิของตนเองไม่เท่ากัน ล้วนเกิดจากระดับความรู้ความสนใจในสิทธิของตนที่แตกต่างกัน เช่นที่เกิดการซื้อสิทธิขายเสียงกันได้ ก็เพราะคนเหล่านั้นไม่สนใจในสิทธิของตนเอง

การเลือกตั้งเป็นการแสดงถึงสิทธิของแต่ละคน ที่จะส่งมอบให้กับตัวแทนของแต่ละคนที่เลือกไป ในการทำหน้าที่ตามสิทธิที่แต่ละคนมอบให้ แต่หากสิทธิที่แต่ละคนมอบให้ตกไปอยู่กับโจรในคราบนักการเมือง ก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดประตูบ้าน มอบสิทธิในการครอบครองทรัพย์สินของตน ให้โจรเข้าไปปล้น

การเลือกตั้งครั้งนี้ หากจะหนีจากปัญหาเดิมๆ การทุิจริตเอารัดเอาเปรียบ โดยคนใหญ่คนโตซึ่งมาจากสิทธิของคนแต่ละคนเลือกเขาเข้ามาเอง ที่เจอมานับครั้งไม่ถ้วนโดยตลอดนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
คนไทยทุกคนต้อง จริงจัง ใส่ใจ วิเคราะห์ พิจารณา ตระหนัก ในการใช้สิทธิของตนให้จงหนัก เพราะผลร้ายที่เกิดตามมาก็ด้วยน้ำมือของตนเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดขึ้น จะโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่ก็ตาม

อยากให้ทุกคน จะเลือกอย่างไรก็ตาม เลือกตั้งอย่างมีสติ
1. ไม่เลือกเพียงเพราะเอาสะใจ หรือถูกใจคารมผู้สมัคร
2. ไม่เลือกเพราะเอาเงินหรือสิ่งมีค่าต่างๆ มาซื้อเสียง
3. ไม่เลือกเพราะข่าวลือที่เลือนลอยไร้เหตุผล โดยอีกฝ่ายใส่ร้ายอีกฝ่าย
4. ไม่เลือกเพียงเพราะนโยบาย ที่อาจเป็นเพียงแค่ลมปากในตอนนี้ เพราะอาจจะไม่ทำให้หรือทำเอาหน้าแบบมักง่าย แต่เอาประโยชน์เข้าตนมากกว่า
5. ไม่เลือกด้วยความคิดชั่ววูป หลงเชื่อด้วยคำว่า "โกงได้แต่ทำงานด้วย" เพราะกิเลสไม่มีคำว่าพอ ไม่มีศาสนาใดสนันสนุนว่าคนชั่วทำประโยชน์ให้ผู้อื่นได้ หากไม่รู้จักการให้ มุ่งหวังแต่การรับ
6. เลือกโดยพิจารณาการกระทำทั้งในอดีต ปัจจุบัน เพราะมันคือภาพที่จะแสดงให้เห็นในอนาคต

การบริหารประเทศเป็นหน้าที่สำคัญที่สุด ส่งผลต่อความเป็นไปของประชาชนทุกคนในชาติ ทั้งด้านดีหรือด้านเลวร้าย ไม่ใช่ฉากละครน้ำเน่าไว้สำหรับชมเพื่อความเพลิดเพลิน ไม่ใช่ละครปาหี่ที่ดูเอาเพื่อความตื่นเต้นชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ใช่บริษัทจำกัดที่ใครจะมาวางแผนการตลาดมองประชาชนเป็นลูกค้า ดึงลูกค้าให้มากที่สุดแล้วกอบโกยเงินจากลูกค้าผ่านกลไกต่างๆของรัฐ ภาษีอากร ธุรกิจรัฐวิสาหกิจ ค่าธรรมเนียม ขายสินค้าบริการ และอื่นๆอีกมาก เข้าสู่บริษัทจำกัดที่นักการเมืองยึดเอาอำนาจรัฐเป็นของตน แล้วแบ่งสรรปันส่วนแต่ละคนตามระดับอำนาจการครอบครองในบริษัทจำกัดแห่งนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น