วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พท.อย่าใช้อำนาจรัฐบิดเบือนคดี

พท.อย่าใช้อำนาจรัฐบิดเบือนคดี (บทบรรณาธิการ) นสพ.แนวหน้า        
การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลชุดใหม่มาเป็นรัฐบาล ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ทำให้มีแนวโน้มว่ารัฐบาลชุดใหม่จะมีการใช้กลไกอำนาจรัฐบิดเบือนเบี่ยงเบนคดี ต่างๆ เพื่อทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำตัวจริงของพรรคเพื่อไทย และเหล่าแกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งปัจจุบันเป็นเนื้อเดียวกับพรรคเพื่อไทย พ้นจากโทษความผิดอย่างสิ้นเชิง ด้วยการทำให้รูปคดีพลิก จากดำเป็นขาวจากขาวเป็นดำ

คดีร้ายแรงที่สังคมกำลังเฝ้าจับตาเป็นพิเศษคือคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองช่วงเดือน มีนาคม ถึงพฤษภาคม ปี 2553 จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ราย และบาดเจ็บอีกนับพันราย ซึ่งที่ผ่านมา เหล่าแกนนำคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยพยายามบิดเบือนว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมา และกองทัพเข่นฆ่าประชาชน ทั้งๆ ที่ปรากฏ หลักฐานชัดเจนว่า มีกองกำลังชุดดำที่ปะปนเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงใช้อาวุธสงครามก่อ การร้ายและพยายามสร้างสถานการณ์ให้กลายเป็นสงครามกลางเมือง

นอกจากคดีก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองจน พินาศย่อยยับแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณและเหล่าแกนนำคนเสื้อแดง ยังถูกดำเนินคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงอีกหลายคดี รวมทั้งคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีคดีทุจริตอีกหลาย คดีที่อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรม อาทิ กรณีซุกหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น ที่ค้างอยู่ในขั้นตอน ของอัยการ โดยไม่มีอะไรคืบหน้า กรณีขายหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น ให้กองทุนต่างชาติ โดยหลบเลี่ยงภาษีซึ่งล่าสุดพอเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่มาเป็นพรรคเพื่อไทย กระทรวงการคลัง ก็แสดงท่าทีเตรียมที่จะยุติคดีนี้

นอกจากนี้ยังมีคดีพ.ต.ท.ทักษิณสั่งให้ธนาคาร กรุงไทย ปล่อยเงินกู้แก่บริษัทกฤษดามหานคร 8,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้หนี้จากธนาคารกรุงเทพฯมูลค่า 4,000 ล้านบาท ขณะที่เงินส่วนต่างที่เหลือ 4,000 ล้านบาท พบว่าไหลเข้าเครือญาติและบุคคลใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ 164 ล้านบาท คดีนี้อยู่ในชั้นอัยการโดยไม่มีอะไรคืบหน้า

กรณีการทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ติดตั้งในสนามบินสุวรรณภูมิ สร้างความเสียหาย แก่รัฐเป็นมูลค่าราว 1,400 ล้านบาท คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ส่งเรื่องให้อัยการ นานแล้ว หรือกรณีรัฐมนตรียุครัฐบาลทักษิณทุจริตเรียกค่าหัวคิวโครงการก่อสร้างบ้าน เอื้ออาทรเป็นเงิน 1,400 ล้านบาท

นอกจากนี้เครือญาติใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณอีกหลายคน ซึ่งรวมทั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาวซึ่งเพิ่งขึ้นมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ ก็มีส่วนพัวพันในคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งพัวพันการให้ทุนสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อการ ร้ายเผาบ้านทำลายเมืองด้วย

เพราะฉะนั้นสังคมต้องช่วยกันตรวจสอบจับตา อย่างใกล้ชิด เพราะเมื่อผู้ต้องหากลับมาเป็นผู้คุมอำนาจรัฐย่อมเป็นไปได้สูงที่จะมีการใช้ อำนาจรัฐบิดเบือนประวัติศาสตร์ ข้อเท็จจริง อันจะทำให้ผิดเป็นถูก ปล่อยให้คนที่ทำลายชาติบ้านเมืองและทุจริตคอร์รัปชั่นลอยนวล กลายเป็นวีรบุรุษ ที่เชิดหน้าชูตาอยู่ในสังคม 
     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น